ถ้าผู้สูงอายุที่บ้าน มีพฤติกรรมชอบเก็บสะสมของมากเกินไป แถมยังไม่กล้าทิ้ง ซะจนของมีปริมาณล้นบ้าน
รกเลอะเทอะไปหมด นั่นอาจเป็นสัญญาณของ `โรคเก็บสะสมของ` ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชก็เป็นได้
วันนี้เราเลยขอพาคุณมารู้จักกับโรคนี้อย่างละเอียด พร้อมวิธีการป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง
ตามนี้เลยค่ะ
โรคเก็บสะสมของ หรือ
hoarding disorder เป็นโรคที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในเกณฑ์วินิจฉัยโรคทางจิตเวช เมื่อปี พ.ศ. 2556
ซึ่งมีลักษณะสำคัญดังนี้
- มักพบได้ประมาณ 2-5% ในคนทั่วไป
- พบในคนโสดมากกว่าคนมีคู่
-
เริ่มมีอาการตั้งแต่วัยรุ่น และเป็นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต
- โรคนี้
มักแสดงปัญหาหนักเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ เนื่องจากผลข้างเคียงของโรคสมองเสื่อม
ที่ทำให้การตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพลดลง และของที่สะสมเพิ่มจำนวนมากขึ้น
จนรบกวนชีวิตประจำวัน
สาเหตุ
1. กรรมพันธุ์ : พบว่า 80%
ของผู้ป่วยจะมีญาติสายตรงที่มีอาการคล้ายกัน
2. การทำงานของสมอง : โรคสมองเสื่อม
หรือสมองบางส่วนทำงานลดลง ส่งผลต่อการคิดและการตัดสินใจ
อาการ
1.
เก็บของไว้มากเกินไป : แม้ว่าของนั้นจะไม่มีประโยชน์ เช่น หนังสือ นิตยสาร เสื้อผ้า ถุงพลาสติก
และขวดต่างๆ เยอะกว่าปกติ
2. ตัดใจทิ้งของไม่ได้ : โดยมักคิดว่า “อาจจะได้ใช้”
หรือทิ้งแล้วจะรู้สึกไม่สบายใจ
3. ของสะสมรบกวนชีวิต : ของที่เก็บไว้มากไป อาจทำให้เกิดอันตราย
หรือรบกวนชีวิตประจำวัน เช่น เก็บฝุ่นจนเกิดภูมิแพ้, ของเกะกะจนเกิดอุบัติเหตุ
4. ไม่คิดว่าผิดปกติ
: ผู้ป่วยมักคิดว่า การเก็บของของตัวเองสมเหตุสมผล
แต่ในสายตาคนอื่นนั้นผิดปกติ
การรักษา
1. ใช้ยา : กลุ่มยาต้านเศร้า
(antidepressant) แต่ได้ผลเล็กน้อย
2. ใช้จิตวิทยา : สอนการตัดสินใจ(ในการเก็บ/ทิ้งของ),
การจัดกลุ่ม และวิธีเก็บของที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการได้ 1 ใน
3
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th, FB : สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย