ลูกหลานหลายคนอาจคิดว่าการที่ผู้สูงอายุในบ้านนอนไม่เป็นเวลา ตื่นกลางดึกบ่อย เข้านอนช้าตื่นเช้า นอนกลางวันตื่นกลางคืน นั้นเป็นเรื่องปกติตามวัย แต่แท้จริงแล้วอาจเข้าข่าย “โรคนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ” ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับ และอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของท่านได้ #Certainty จึงอยากพาลูกหลานไปรู้จักกับโรคนี้ พร้อมแนะนำวิธีสังเกตอาการ วิธีรับมือ และลดปัญหาการนอนไม่หลับของท่านกัน
ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงวัยนอนไม่หลับ
• ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่เกิดจากความชรา เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น สมองก็อาจจะเสื่อมไปตามวัย และอาจทำให้การนอนของท่านเปลี่ยนไปจากเดิม
• โรคประจำตัวที่รบกวนการนอน อาการของโรคบางอย่างอาจส่งผลให้ผู้สูงอายุต้องตื่นกลางดึก เช่น ต่อมลูกหมากโต เบาหวาน ที่ต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะกลางดึกหลายๆ ครั้ง หรือบางคนอาจมีอาการปวดข้อ ปวดกระดูก ท้องผูก แน่นท้อง เกิดอาการอาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน ทำให้ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกได้เช่นกัน หรือผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการโรคสมองเสื่อมในระยะแรกอาจจะมีอาการนอนไม่หลับได้
• การรับประทานยาบางชนิด ยาบางอย่างที่ผู้สูงอายุจำเป็นต้องทาน ซึ่งมีผลออกฤทธิ์ในระบบประสาทส่วนกลาง หรือสมอง เช่น ยารักษาโรคพาร์กินสัน ยาไทรอยด์ ยาแก้ชัก ยารักษาโรคซึมเศร้า ยาสเตียรอยด์ ยารักษาภาวะสมองเสื่อม เป็นต้น
• ปัญหาสุขภาพจิต ผู้สูงอายุบางท่านอาจจะมีความเครียด ความกังวล รู้สึกเศร้า และคิดมาก รวมไปถึงภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจส่งผลต่อการนอนหลับได้
• พฤติกรรมการใช้ชีวิต ผู้สูงอายุบางท่านอาจจะชอบนอนกลางวันเพราะไม่มีกิจกรรมให้ทำ หรือติดชา-กาแฟ เป็นต้น
สัญญาณเตือน ‘โรคนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ’
• ใช้เวลานานกว่าขึ้นเดิมในการเริ่มต้นนอนหลับ
• เมื่อหัวถึงหมอนแล้วต้องใช้เวลานานกว่าจะหลับ
• การนอนหลับจะมีประสิทธิภาพลดลง เช่น หลับๆ ตื่นๆ นอนหลับไม่สนิท ตื่นนอนกลางดึกบ่อยๆ ตื่นเช้ากว่าที่ควรจะเป็น หรือง่วงในช่วงกลางวันบ่อยขึ้น
หากมีพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้น ให้ลูกหลานคอยสังเกตว่าในตอนกลางวัน ผู้สูงอายุมีอาการง่วงนอน อ่อนเพลียหรือไม่ ถ้าไม่มีแสดงว่า ผู้สูงอายุหลับได้เพียงพอกับความต้องการของร่ายกาย แต่หากอาการนอนไม่หลับเริ่มกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันมากเกินกว่า 1 สัปดาห์ควรพาท่านไปพบแพทย์
วิธีรับมือเมื่อผู้สูงวัยในบ้านนอนไม่หลับ
• จัดสภาพแวดล้อมของห้องนอนให้เอื้อต่อการนอน เช่น อุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ไม่มีเสียงรบกวน หรือแสงจ้า เป็นต้น
• งดการนอนกลางวัน หรือจำกัดเวลาการนอนกลางวัน ไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมงในช่วงบ่าย
• หากิจกรรมที่ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวในช่วงเวลากลางวัน ออกกำลังกายในเวลาที่เหมาะสม เพื่อสร้างการรับรู้ว่าเป็นช่วงเวลากลางวัน
• หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ ในช่วงเวลาเย็น กำหนดเวลาทานมื้อเย็นให้คงที่ ทานให้อิ่มพอดี
• ไม่ควรดื่มน้ำในช่วงเวลา 4-5 ชั่วโมงก่อนที่จะถึงเวลานอน ควรจิบเพื่อแก้กระหาย
และสำหรับผู้สูงอายุบ้านไหนที่มีปัญหาปัสสาวะ จนรบกวนการนอน มาคลายกังวลให้ท่านนอนหลับได้ยาวนานขึ้น ไม่ต้องลุกเข้าห้องน้ำกลางดึกบ่อยๆ ด้วยตัวช่วยแผ่นเสริมซึมซับ ใช้คู่กับ ผ้าอ้อมเทป เพื่อสุขอนามัยที่ดี และช่วยให้ท่านพักผ่อนได้อย่างเพียงพอค่ะ
รวบรวมข้อมูลจาก โรงพยาบาลนครธน, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล, โรงพยาบาลเปาโล