เมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย สังคม และจิตใจ มักพบบ่อยๆ ว่า ผู้สูงอายุหลายๆ บ้านมีปัญหาทางด้านสังคมและจิตใจซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์และความสุขของครอบครัวได้

เคล็ดลับดูแลใจสูงวัย ไม่ให้ “ซึมเศร้า” มาเยือน

29 ตุลาคม 2566
แชร์

เคล็ดลับดูแลใจสูงวัย ไม่ให้ “ซึมเศร้า” มาเยือน

เมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ที่รักของคุณก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย สังคม และจิตใจ จึงมักพบบ่อยๆ ว่า ผู้สูงอายุหลายๆ บ้านมีปัญหาทางด้านสังคมและจิตใจซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์และความสุขของครอบครัวได้ ดังนั้นลูกหลานต้องหมั่นคอยดูแลสุขภาพใจและเติมเต็มความสุขทางใจให้ท่านตามโอกาสที่สมควร เพื่อลดความเสี่ยงปัญหาโรคซึมเศร้า ไปจนถึงปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ ด้วยความห่วงใย #Certainty ขอชวนลูกหลานมาเรียนรู้วิธีง่ายๆ ในการดูแลจิตใจของผู้สูงอายุอย่างเข้าใจกันค่ะ

ปัญหาสุขภาพจิตที่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุ
เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจให้ลูกหลานและสมาชิกในบ้านสามารถจับสังเกตได้ว่าผู้ใหญ่ในบ้านกำลังเสี่ยงมีปัญหาด้านสุขภาพใจอยู่หรือไม่ เรามาดูกันว่ามีปัญหาด้านสุขภาพจิตใดบ้างที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ 
1. อารมณ์แปรปรวน
ผู้สูงอายุบางท่านอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ทั้งดีและร้ายอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวน้อยใจ เดี๋ยวงอน เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยตั้งแต่ช่วงแรกของการก้าวเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ อาจเกิดขึ้นได้เองโดยธรรมชาติจากความเครียด การเปลี่ยนแปลงบางสิ่งซึ่งมีผลสำคัญต่อชีวิต หรือมีความสัมพันธ์กับอาการเจ็บป่วย การทำงานของฮอร์โมนในร่างกายที่ผิดปกติ สังเกตได้จากพฤติกรรมนอนไม่หลับ หายใจลำบาก ปวดหลัง ท้องอืด และอาจเป็นอาการของโรคจิตเวชบางชนิดร่วมด้วย
 
2. เครียด อารมณ์เสียง่าย
การพยายามรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกายและจิตใจช่วงบั้นปลายชีวิต และปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่มีความต่างวัย ล้วนส่งผลทำให้เกิดความเครียดสะสม ยิ่งอายุมากขึ้นก็อาจมีแนวโน้มเกิดความเครียดเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนใหญ่มักแสดงออกทางภาษากายให้เห็นเป็นความกลัว ย้ำคิดย้ำทำ ความวิตกกังวล นอนไม่หลับ และอาจเจ็บป่วยได้ 

3. ภาวะซึมเศร้า
ในผู้สูงอายุ อาการซึมเศร้าเกิดจากสารสื่อประสาทในสมองทำงานผิดปกติ เริ่มตั้งแต่เศร้าเล็กน้อย ไปจนถึงมีอาการจิตเวชร่วมด้วย แม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองโดยตรง แต่ก็ทำให้รู้สึกเครียดและเป็นกังวลได้เช่นกัน ลูกหลานอาจสังเกตได้ว่า ท่านสนใจสิ่งที่เคยชอบลดลง พูดน้อย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ไปจนถึงผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้าแต่ไม่แสดงอาการ เก็บงำความรู้สึกไม่อยากดำเนินชีวิตต่อไปไว้ในใจ เป็นกลุ่มที่จำเป็นต้องพบแพทย์อย่างเร่งด่วน และวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสม

ปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตในผู้สูงอายุ สำหรับปัจจัยที่อาจกลายเป็นตัวกระตุ้นและก่อให้เกิดเป็นปัญหาสุขภาพจิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในผู้สูงอายได้นั้นจะมีปัจจัยใดบ้าง ตามไปดูกันค่ะ 

1. สภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงและเสื่อมถอยตามวัย ส่งผลให้ผู้สูงอายุเกิดข้อจำกัดในการดำเนินชีวิตเพิ่มขึ้น เช่น พึ่งพาตัวเองไม่ได้ โรคภัยตามวัย จดจำเรื่องราวหรือสิ่งต่างๆ ได้ไม่ดีอย่างที่เคย 

2. ปัญหาสุขภาพ ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังที่อาจรักษาเป็นเวลานานแต่ทำได้แค่ทุเลา ไม่หายขาด และยังต้องติดตามผลของโรคเสมอๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง กระดูกและข้อ เป็นต้น มักเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาด้านจิตใจ เนื่องจากเบื่อหน่ายกับการรักษา วิตกเรื่องค่าใช้จ่าย หรือเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และถ้าหากขาดความร่วมมือในการรักษาจากตัวผู้ป่วยก็อาจทำให้อาการทรุดลง จนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและจิตใจได้ 

3. ฮอร์โมนที่ลดน้อยลง ความเสื่อมถอยของร่างกายส่งผลให้การทำงานของฮอร์โมนในร่างกายไม่สามารถปรับให้สมดุลได้เหมือนเดิม ผู้สูงอายุจะทบทวนเรื่องราวในอดีตซ้ำๆ กลับไปกลับมาทั้งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ จนก่อตัวเป็นความเครียด และแสดงออกให้เห็นด้วยอาการซึมเศร้า หงุดหงิด ขี้ระแวง วิตกกังวล โกรธง่าย เอาแต่ใจ เป็นต้น 

4. การสูญเสียของบุคคลอันเป็นที่รักอย่างคู่ชีวิต ญาติหรือเพื่อนฝูงคนสนิท อาจส่งผลให้ผู้สูงวัยขาดที่พึ่งทางใจ เกิดความเหงา เศร้าซึมลง และอาจกังวลถึงความตายของตนเองในอนาคต 

5. ความเปลี่ยนแปลงของสังคม การปรับสถานะจากผู้นำครอบครัวหรือกำลังหลักมาเป็นผู้ได้รับการดูแล ส่งผลให้ท่านรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต และอาจสูญเสียความภาคภูมิใจตนเองไปในที่สุด รวมถึงสถานะทางการเงินที่เปลี่ยนไป และต้องลดทอนบทบาทความสำคัญของตัวเองลงเมื่อเกษียณอายุ

แนวทางการดูแลจิตใจของผู้สูงวัยให้แจ่มใสและเปี่ยมสุข
ลูกหลานและสมาชิกทุกคนในครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลและปฏิบัติต่อผู้สูงอายุเพื่อช่วยให้ท่านมีสุขภาพใจที่ดีได้ด้วยแนวทางดังต่อไปนี้ 
  - ช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่า และมีความสำคัญ เช่น การขอคำแนะนำ คำปรึกษาเรื่องต่างๆ การให้ท่านมีส่วนร่วมในการดูแลครอบครัวอย่างเหมาะสมกับสุขภาพของท่าน 
   - ชักชวนพูดคุยและรับฟัง ถึงส่วนดีหรือเหตุการณ์ประทับใจในอดีตของผู้สูงอายุอย่างเต็มใจ ทำให้ท่านรู้สึกว่ายังมีคนสนใจหรือให้ความสำคัญในชีวิตของท่านอยู่ 
  - ให้ความเคารพ ยกย่อง และนับถืออย่างสม่ำเสมอ ตามขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมของไทย เช่น ประเพณีรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุเนื่องในวันสงกรานต์ เป็นต้น 
  - ให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมที่สนใจตามความเหมาะสม เช่น ไปวัด ทำบุญ โดยลูกหลานควรเตรียมข้าวของต่างๆ หรือพาท่านไปด้วยความเต็มใจ 
  - พาผู้สูงอายุออกไปพบปะสังสรรค์กับญาติใกล้ชิดหรือเพื่อนฝูงวัยเดียวกัน พาเข้าสังคมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้สูงอายุอื่นๆ เช่น พาไปเข้าชมรม หรือไปงานต่างๆ 
  - ให้อภัยในความหลงลืมและความผิดพลาดของผู้สูงอายุ และแสดงความเห็นอกเห็นใจที่เหมาะสมตามสถานการณ์ 
  - สั่งสอนอบรมลูกหลานว่าผู้สูงอายุยังเป็นบุคคลที่เคารพนับถือของคนในครอบครัวที่อาวุโสน้อยกว่า ไม่แสดงออกให้ท่านรู้สึกว่าเป็นภาระ หมดคุณค่า ไม่เป็นที่ต้องการ 

เพราะการหมั่นชักชวนท่านพูดคุยด้วยความห่วงใย คอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ รวมถึงทำความเข้าใจในธรรมชาติของผู้สูงอายุก็จะช่วยให้ท่านมีความสุขกับการใช้ชีวิต และลดโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าลงได้ค่ะ ดูแลสุขภาพจิตใจให้ท่านกันแล้ว อย่าลืมดูแลเรื่องสุขภาพกายอย่างเรื่องปัสสาวะกันด้วยนะคะ ซึ่งหากผู้สูงอายุที่คุณรักมีปัญหาเรื่องปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะราด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ จนกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำกิจกรรมต่างๆ ดูแลด้วยการให้ท่านสวมใส่ตัวช่วยดีๆ อย่าง ‘กางเกงซึมซับ’ ที่สวมใส่ง่าย ซึมซับปัสสาวะได้ดี แห้งสบาย กระชับ สัมผัสนุ่ม เพื่อปลดล็อกให้ท่านพร้อมออกไปทำกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อนฝูงหรือลูกหลานได้อย่างมีความสุข 

ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลวิมุต, โรงพยาบาลมนารมย์, โรงพยาบาลวิชัยยุทธ, กรมกิจการผู้สูงอายุ